พิธีรดน้ำสังข์ให้กับคู่บ่าวสาววันแต่งงาน


 เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไม ในงานแต่งงานช่วงพิธีรดน้ำสังข์หรือหลังน้ำสังข์ เพื่อให้ญาติผู้ใหญ่มาร่วมอวยพรคู่บ่าวสาวนั้น ถึงต้องใช้หอยสังข์เป็นภาชนะในการใส่น้ำพระพุทธมนต์ วันนี้มีคำตอบมาฝากกัน

 

 

     สาเหตุที่ใช้หอยสังข์มาใช้เป็นภาชนะใส่น้ำมนต์หลั่งอวยพรให้กับคู่บ่าวสาว นั้น เพราะถือกันว่าหอยสังข์เป็นหนึ่งในสิงศักดิ์สิทธิ์ ๑๔ อย่าง ที่เกิดจากกการกวนเกษียรสมุทรของเหล่าเทวดาและอสูร ได้แก่
 
     ๑.น้ำอมฤต
 
     ๒.ธันวันตรี คือ เทวดาผู้ถือหม้อน้ำผุดขึ้นมาจากเกษียรสมุทร
 
     ๓.พระลักษมี เทวีแห่งโชคลาภและความงาม ซึ่งต่อมาได้เป็นพระชายาของพระศิวะ
 
     ๔.นางสุราเทวี หรือนางวารุณี ต่อมาได้เป็นชายาของพระวรุณ
 
     ๕.พระจันทร์ พระอิศวรนำไปเป็นปิ่นปักผม
 
     ๖.นางอัปสรชื่อรัมภา ซึ่งเป็นผู้ยอดของความงาม
 
     ๗.ม้าชื่ออัจไฉศรพ มีหูตั้งสูง ถือเป็นยอดม้า
 
     ๘.มณีเกาสตุภ คือ แก้วมณีซึ่งต่อมาตกเป็นของพระกฤษณะ
 
     ๙.ต้นปาริชาต ซึ่งสามารถบันดาลให้สมปรารถนาได้ตามใจนึก
 
     ๑๐.นางโค ชื่อกามเธนุหรือสุรภี ซึ่งนึกอะไรสมความปรารถนาทุกอย่างเช่นเดียวกัน
 
     ๑๑.ช้างเอราวัณ พาหนะของพระอินทร์ มี ๓๓ เศียร
 
     ๑๒.สังข์ศักดิ์สิทธิ์ ต่อมาตกเป็นของพระนารายณ์ และกฤษณะใช้สำหรับเป่าบันลือเสียงบังเกิดชัยชนะแก่ศัตรู
 
     ๑๓.ธนูวิเศษ แผลงไปไม่ผิดเป้าหมาย และ
 
     ๑๔.มีพิษร้ายแรง ซึ่งพระศิวะทรงดื่มพระเกรงจะเกิดภัยแก่เทวดาและมนุษย์ พระศอ (คอ) ของพระศิวะจึงมีสีดำตั้งแต่บัดนั้นมา
 

     ตำนานเกี่ยวกับความเป็นมาของหอยสังข์ยังมีอีกหลายนัย เช่นครั้งหนึ่งสังข์อสูรได้ลักเอาพระเวทไปซ่อนไว้ในหอยสังข์ พระนารายณ์ได้อวตารไปปราบและสังหาร แล้วทรงลวงเอาพระเวทออกมาจากสังข์ ทำให้ปากหอยสังข์มีรอยพระหัตถ์ของพระนารายณ์ จึงถือกันว่าสังข์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะเคยเป็นที่รองรับพระเวท การนำมาใส่น้ำมนต์รดให้คู่บ่าวสาว เชื่อกันว่าเป็นสิริมงคล
 
     โดยพิธีรดน้ำสังข์ จะกระทำหลังจากคู่บ่าวสาวร่วมทำบุญตักรบาตร ฟังพระสวดมนต์และถวายจตุปัจจัยไทยธรรม เมื่อพระฉันท์ภัตตาหารเสร็จแล้ว เมือถึงฤกษ์รดน้ำสังข์พระสงฆ์ผู้เป็นประธานหรือเป็นญาติผู้ใหญ่ที่คู่บ่าวสาวนับถือ จะทำการเจิมให้แก่คู่บ่าวสาวที่หน้าผากเป็นจุดแต้ม ๓ จุด หลังจากทำพิธีเจิมเสร็จ จึงนำมงคลแฝดสวมให้คู่บ่าวสาวคนละข้าง มีสายโย่งห่างกันราวสองศอกเศษ เพื่อความสะดวกส่วนปลายของมงคลจะโยงมาพันไว้ที่บาตรน้ำมนต์ และหางสายสิญจน์พระสงฆ์จะส่งกันไปโดยจับเส้นไว้ในมือ จนถึงองค์สุดท้ายก็วางกลุ่มด้ายสายสิญจน์ไว้ในพาน แต่หากเป็นการรดน้ำตอนเย็นเหมือนที่นิยมทำกันในสมัยนี้ จะมีเพียงมงคลแฝดไม่มีสายโยง แต่ธรรมเนียมสมัยก่อนต้องมีสายโยงที่บาตรน้ำมนต์และพระสงฆ์ด้วย เพื่อให้ท่านสวดเจริญพระพุทธมนต์ ในขณะที่ทำพิธีรดน้ำหรือหลั่งน้ำสังข์ให้แก่คูบ่าวสาว
 
ที่มา: หนังสือ ประเพณี พิธีมงคล และวันสำคัญของไทย เรียบเรียง โดย ธนากิต